น.ส.พิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยหลังเดินทางเยือนประเทศซาอุดีอาระเบียเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อเข้าร่วมประชุมโต๊ะกลมระดับรัฐมนตรีในงาน Future Minerals Forum 2024 ณ กรุงริยาด ว่า ตนได้ทำหน้าที่หัวหน้าคณะผู้แทนไทย พร้อมด้วยนายดามพ์ บุญธรรม เอกอัครราชทูต ณ กรุงริยาด นายอดิทัต วะสีนนท์ อธิบดีกรมอุตสาหกรรมพื้นฐานและการเหมืองแร่ (กพร.) หารือกับนายบันดาร์ อัลกอราเยฟ รมว.อุตสาหกรรมและทรัพยากรธรณี, นายคาร์ลิล บินซามัต รมช.อุตสาหกรรมและทรัพยากรธรณี ซาอุดีอาระเบีย
“หัวข้อหลักในการสนทนาคือการชักชวนให้ซาอุดีอาระเบียมาลงทุน ในอุตสาหกรรมเหมืองแร่โปแตชของไทย เพราะทั้งสองประเทศสามารถร่วมมือกันในเรื่องปุ๋ยได้ โดยซาอุดีอาระเบียผลิตและส่งออกปุ๋ยยูเรีย และฟอสฟอรัส ในขณะที่ไทยเป็นแหล่งแร่โปแตชที่สำคัญแหล่งใหญ่ในภูมิภาคเอเชีย หากร่วมมือกันจะต่อภาพอุตสาหกรรมปุ๋ยได้ครบถ้วน ในขณะที่ซาอุดีอาระเบียมองว่าประเทศไทยเป็นแหล่งความมั่นคงด้านอาหารและยาเวชภัณฑ์ ซึ่งจะสามารถช่วยสร้างความมั่นคงในด้านนี้ร่วมกันได้เช่นกัน โดยซาอุดีอาระเบียรับจะนำเรื่องโปแตชไปเชิญชวนภาคเอกชนของซาอุดีอาระเบียที่สนใจเข้ามาร่วมลงทุนต่อไป”
สำหรับประเด็นที่ฝ่ายไทยหยิบยกมาหารือ ได้แก่ การส่งเสริมความร่วมมือด้านอุตสาหกรรมเหมืองแร่และการลงทุนเกี่ยวกับแร่โปแตชและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง อาทิ ปุ๋ย โดยประเทศไทยมีแหล่งแร่โปแตชขนาดใหญ่ มีปริมาณสำรองจำนวนมาก ปัจจุบันได้มีการอนุญาตประทานบัตร ให้ทำเหมืองไปแล้วจำนวน 3 ราย คาดการณ์ว่าจะเริ่มผลิตได้ในอีก 3-4 ปี มีกำลังการผลิตโปแตชรวม 3 ล้านตันต่อปี ตลอดอายุโครงการจะสามารถผลิตแร่โปแตชได้มากถึง 100 ล้านตัน