สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันศุกร์ (26 ม.ค.) ที่ระดับสูงสุดในรอบเกือบ 2 เดือน และปรับตัวขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 2 ติดต่อกัน โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์แนวโน้มอุปสงค์เพิ่มขึ้น เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐมีการขยายตัว และจีนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ นอกจากนี้ ความวิตกเกี่ยวกับปริมาณน้ำมันของตะวันออกกลางได้ช่วยหนุนตลาดด้วย
- สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 65 เซนต์ หรือ 0.8% ปิดที่ 78.01 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย. และปรับตัวขึ้น 6.5% ในรอบสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นรายสัปดาห์มากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 1 ก.ย.
- สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 1.12 ดอลลาร์ หรือ 1.4% ปิดที่ 83.55 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 30 พ.ย. และปรับตัวขึ้นเกือบ 6.4% ในรอบสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นรายสัปดาห์มากที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 13 ต.ค.
ราคาน้ำมันได้แรงหนุนจากแนวโน้มอุปสงค์เพิ่มขึ้น หลังเศรษฐกิจสหรัฐซึ่งเป็นประเทศที่ใช้น้ำมันมากที่สุดของโลก ขยายตัวเกินคาดในไตรมาส 4/2566 และจีนออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในสัปดาห์นี้
ความวิตกเกี่ยวกับภาวะชะงักงันด้านอุปทานช่วยหนุนราคาน้ำมันด้วย โดยโฆษกของกลุ่มฮูตีเปิดเผยว่า กองทัพเรือของฮูตีได้ทำการโจมตีเรือบรรทุกน้ำมันลำหนึ่งในอ่าวเอเดน ส่งผลให้เกิดเพลิงไหม้บนเรือดังกล่าว
นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้แรงหนุนในสัปดาห์นี้จากสต็อกน้ำมันดิบที่ลดลงในสหรัฐ โดยสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 9.2 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลงเพียง 2.1 ล้านบาร์เรล
EIA ยังเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคูชิง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าของสหรัฐ ลดลง 2 ล้านบาร์เรล