สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานในวันนี้ (17 ม.ค.) ว่า ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ปี 2566 ของจีน ขยายตัว 5.2% เมื่อเทียบเป็นรายปี ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่รัฐบาลจีนกำหนดไว้ที่ราว 5% หลังจากจีนยุติการใช้มาตรการล็อกดาวน์ป้องกันโรคโควิด-19 ซึ่งเป็นมาตรการที่ส่งผลให้เศรษฐกิจจีนชะลอตัวลงสู่ระดับ 3% ในปี 2565
ส่วน GDP ในไตรมาส 4/2566 ขยายตัว 5.2% เช่นกัน ซึ่งแข็งแกร่งกว่าในไตรมาส 3 ที่มีการขยายตัว 4.9% โดยได้แรงหนุนจากการที่รัฐบาลจีนเพิ่มการใช้จ่ายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นตัวจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างไรก็ดี ตัวเลข GDP ไตรมาส 4 อยู่ในระดับต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของรอยเตอร์คาดไว้ว่าอาจจะขยายตัว 5.3%
การเปิดเผยตัวเลข GDP ปี 2566 โดย NBS นั้น สอดคล้องกับที่นายหลี่ เฉียง นายกรัฐมนตรีจีนกล่าวในการประชุม World Economic Forum (WEF) ที่เมืองดาวอสเมื่อวานนี้ (16 ม.ค.) ว่า เศรษฐกิจจีนขยายตัวราว 5.2% ในปี 2566 ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่รัฐบาลจีนกำหนดไว้ในปีดังกล่าวโดยไม่ต้องพึ่งพามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนานใหญ่
“ในปี 2566 เศรษฐกิจจีนดีดตัวขึ้นและปรับตัวในทิศทางขาขึ้น โดยมีการขยายตัวราว 5.2% ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่เรากำหนดไว้ที่ 5% สำหรับปี 2566 ส่วนในการสนับสนุนเศรษฐกิจให้เติบโตนั้น เราไม่ได้พึ่งพาการกระตุ้นเศรษฐกิจขนานใหญ่ เนื่องจากเราไม่ต้องการให้เศรษฐกิจเติบโตแค่ในระยะสั้น แต่เผชิญกับความเสี่ยงในระยะยาว” นายหลี่กล่าวในการประชุม WEF
ไมเคิล เฮอร์สัน นักเศรษฐศาสตร์ด้านจีนจากบริษัท 22V Research กล่าวว่า “นับเป็นเหตุการณ์ที่ไม่เกิดขึ้นบ่อยนักที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของจีนจะแสดงความเห็นเกี่ยวกับตัวเลข GDP อย่างเฉพาะเจาะจง การแสดงความเห็นของนายหลี่มีเป้าหมายที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับบรรดาผู้เข้าร่วมงานในการประชุม WEF ที่เมืองดาวอส”