สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันอังคาร (30 ม.ค.) หลังจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับเพิ่มคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจโลกในปีนี้ นอกจากนี้ ตลาดน้ำมันยังได้แรงหนุนจากสถานการณ์ในตะวันออกกลางที่มีแนวโน้มตึงเครียดมากขึ้น
- ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 1.04 ดอลลาร์ หรือ 1.35% ปิดที่ 77.82 ดอลลาร์/บาร์เรล
- ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 47 เซนต์ หรือ 0.57% ปิดที่ 82.87 ดอลลาร์/บาร์เรล
ราคาน้ำมันดีดตัวขึ้น หลังจาก IMF คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกจะขยายตัว 3.1% ในปี 2567 ซึ่งเพิ่มขึ้นจากตัวเลขคาดการณ์ในเดือนต.ค.ที่ระดับ 2.9% โดยได้แรงหนุนจากการขยายตัวที่แข็งแกร่งของเศรษฐกิจสหรัฐ และมาตรการกระตุ้นด้านการคลังของจีน
IMF ระบุในรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลก (World Economic Outlook) ซึ่งมีการเผยแพร่เมื่อวานนี้ว่า มีแนวโน้มลดน้อยลงที่เศรษฐกิจโลกจะเผชิญภาวะ “ฮาร์ดแลนดิ้ง” แม้มีความเสี่ยงครั้งใหม่จากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่พุ่งขึ้น และปัญหาห่วงโซ่อุปทานท่ามกลางความผันผวนจากปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์ในตะวันออกกลาง
นอกจากนี้ IMF คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะขยายตัว 2.1% ในปี 2567 จากเดิมคาดการณ์ที่ระดับ 1.5% และคาดว่าเศรษฐกิจจีนจะขยายตัว 4.6% จากเดิมคาดการณ์ที่ระดับ 4.2%
จีโอวานนี สตอโนโว นักวิเคราะห์จาก UBS กล่าวว่า สถานการณ์ตึงเครียดในตะวันออกกลางยังคงเป็นปัจจัยหนุนราคาน้ำมัน โดยขณะนี้นักลงทุนจับตาท่าทีของประธานาธิบดีโจ ไบเดนอย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินว่ารัฐบาลสหรัฐจะตัดสินใจอย่างไรในการใช้มาตรการตอบโต้กลุ่มติดอาวุธที่โจมตีฐานทัพสหรัฐในจอร์แดน จนเป็นเหตุให้ทหารสหรัฐเสียชีวิต 3 นายและบาดเจ็บ 34 นาย โดยกลุ่มติดอาวุธที่ก่อเหตุโจมตีในครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน
ทั้งนี้ ปธน.ไบเดนกำลังพิจารณาการใช้มาตรการตอบโต้เหตุการณ์ครั้งนี้อย่างเหมะสมโดยไม่จุดชนวนให้สงครามในตะวันออกกลางขยายตัวเป็นวงกว้าง ซึ่งอาจจะส่งผลกระทบต่อการเจรจาปล่อยตัวประกันอีกกว่า 100 รายที่ถูกกลุ่มฮามาสจับกุมตัวไว้ในฉนวนกาซา
สถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (API) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐลดลง 2.5 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 26 ม.ค. ขณะที่นักลงทุนจับตาการเปิดเผยสต็อกน้ำมันดิบอย่างเป็นทางการจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) ในวันนี้ เวลาประมาณ 22.30 น.ตามเวลาไทย