ธปท. ดับฝันไม่มีประชุม กนง. นัดพิเศษ มองเงินเฟ้อติดลบไม่ใช่เงินฝืด เชื่อทั้งปีเข้ากรอบ
นายปิติ ดิษยทัต ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ยืนยันว่า ไม่จำเป็นต้องมีการประชุม คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) นัดพิเศษก่อนถึงการประชุม กนง.ตามกำหนดนัดแรกของปีนี้ในวันที่ 7 ก.พ.67
พร้อมทั้งชี้แจงว่า กนง.ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อเป็นการสะท้อนการชั่งน้ำหนักที่พิจารณาปัจจัยทั้งการเติบโตทางเศรษฐกิจ อัตราเงินเฟ้อ และเสถียรภาพการเงิน ขณะที่อัตราดอกเบี้ยของไทยยังอยู่ในระดับต่ำเมื่อเทียบกับดอกเบี้ยโลก
“จุดยืนของ กนง. คือ ต้องการให้อยู่ในภาวะสมดุล เป็นกลาง ภาวะการเงินไม่ฉุดรั้งเศรษฐกิจ อย่างไรก็ดี ค่าเงินบาทในช่วงที่ผ่านมาอาจผันผวนไปบ้าง แต่อยู่ในขอบเขตที่รับได้”
นายปิติ กล่าวว่า การกำหนดอัตราดอกเบี้ยต้องทำให้อยู่ระดับที่พอดี ไม่สูงจนเป็นอุปสรรคต่อเศรษฐกิจ และไม่ต่ำเกินไปจนสร้างปัญหาเชิงเสถียรภาพ และสะสมความไม่สมดุลทางการเงิน กนง. จะดูข้อมูลที่เข้ามา และพร้อมจะปรับจุดยืนนโยบาย หากแนวโน้มเศรษฐกิจมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ ไม่ได้ยึดจุดยืนไว้ว่าจะไม่ปรับเปลี่ยน แต่ขึ้นอยู่กับการประเมินภาพเศรษฐกิจว่ามีพัฒนาการอย่างไร
คาดเงินเฟ้อติดลบต่อเนื่องถึงก.พ. แต่ทั้งปียังอยู่ในกรอบ 1-2%
สำหรับปัญหาเงินเฟ้อในไทยคลี่คลายไปพอสมควรจากก่อนหน้าที่อยู่ในระดับสูง ปัจจุบันการที่เงินเฟ้อต่ำเป็นการสะท้อนระดับราคาสินค้าที่ไม่เพิ่มขึ้นจนเป็นภาระให้ประชาชน และสินค้าบางประเภทที่เคยปรับขึ้นราคาไปก่อนหน้านี้ก็เริ่มชะลอตัวลง
การที่เงินเฟ้อลดลงจนติดลบนั้น กนง. ได้คาดการณ์ไว้แล้ว เพราะเป็นผลมาจากราคาอาหารสดปรับลดลง ตลอดจนราคาพลังงานที่ลดลงจากการอุดหนุนของภาครัฐ แต่หากหักราคาอาหารสดและราคาพลังงานแล้ว เงินเฟ้อทั่วไปก็ยังไม่ได้ติดลบ
“อัตราเงินเฟ้อที่ติดลบ ไม่ได้สะท้อนว่าอุปสงค์หรือกำลังซื้อหมดไป ไม่ใช่ภาวะเงินฝืด หากจะถามว่าทำไมเงินเฟ้อติดลบแล้วไม่ลดดอกเบี้ย เพราะเงินเฟ้อที่ติดลบ มาจากปัจจัยเฉพาะที่ไม่ยั่งยืน เงินเฟ้อที่ลดไม่ได้สะท้อนว่ากำลังซื้อแผ่วลง เงินเฟ้อคาดการณ์ยังอยู่ในกรอบ 2% ซึ่งการลดลงของเงินเฟ้อ สะท้อนปัญหาการผลิตที่คลี่คลายลง” นายปิติ ระบุ
การดำเนินนโยบายการเงินจะดูแลให้เงินเฟ้ออยู่ในเป้าหมายอย่างยั่งยืน ซึ่ง กนง.คาดว่าเงินเฟ้อติดลบไปจนถึงเดือน ก.พ.67 และจากนั้นจะค่อยๆ เพิ่มขึ้น ทั้งปีนี้คาดว่าจะอยู่ในระดับ 1-2% ตามกรอบเป้าหมาย